ความเป็นมาของพลซุ่มยิง ( Sniper )
พลซุ่มยิง (Sniper) เมื่อได้ยินคำนี้หลายท่านจะรำลึกถึงคนที่มีความรู้และความเข้าใจสูงในเรื่อง
ของการยิงปืนในระยะไกล แม้กระนั้นคนจำนวนไม่น้อยอาจไม่รู้ว่าพลซุ่มยิงนอกเหนือจากการที่จะ
จะต้องมีสมรรถนะในเรื่องเกี่ยวกับการยิงปืนแล้วเรื่องของความ สามารถอยู่รอดได้ ในพื้นที่ต่างๆเป็นเวลานาน ได้แก่ ในป่า หรือ ในพื้นที่อาคารบ้านเรือน หน้าที่ของพลซุ่มยิงเป็น การวางแนวลูกกระสุนอย่างเที่ยงตรงไปยังข้างศัตรู ซึ่ง
ทหารในหน่วยต่างๆไม่สามารถที่จะกระทำยิงได้ ดังนี้บางครั้งอาจจะเป็นเพราะเหตุว่า ระยะทาง ขนาดของกำลังศัตรู ที่ตั้งข้างศัตรู หรือการมองเห็นจริงๆแล้ว คำว่า Sniper นั้น เป็นชื่อนกในประเทศประเทศอินเดีย เป็นนกกระจอกชนิดปากยาวๆตัวเล็ก บินได้กระฉับกระเฉงเร็ว เมื่อยุคที่อังกฤษครอบครองอินเดีย จะมีทหารของอังกฤษบางกรุ๊ป ถูกใจแข่งกันยิงนกประเภทนี้ คนที่สามารถล่านกจำพวกนี้ได้นั้นต้องมีความสามารถการยิงปืนที่ถูกต้อง เป็นมือแม่น ทหารกรุ๊ปอื่นๆก็เลยเรียกทหารกลุ่มนี้ว่า “Sniper” และก็นี่เองก็เลยเป็นต้นกำเนิดตำนานกล่าวขานของ Sniper ในสมัยต่อๆมา
พลซุ่มยิงนั้นต้องเป็น “ร่างกายจำเป็นต้องแข็งแรง บริบูรณ์ สายตาดี หูดี มีสติสัมปชัญญะ อารมณ์นิ่ง ซึ่งแต่ละหน่วยเขาก็จะคัดเลือกเพื่อเข้าห้องเรียนตามหลักสูตรอีกครั้ง ที่สำคัญจะต้องเป็นคนจิตใจเบิกบาน มีสติสัมปชัญญะ” เป็นคำบอกเล่าจากพลตรีท่านหนึ่งที่ปลดเกษียณราชการไปแล้ว ซึ่งให้ข้อมูลว่า สไนเปอร์หรือพลซุ่มยิง จะทำฝึกหัดในแบบเฉพาะ มีหลักสูตร มีเหรียญตรามอบให้ ส่วนอุปกรณ์สำคัญสำหรับในการฝึกหัดก็มีการใช้กล้องถ่ายภาพเลนส์ ใช้ปืนยาวสำหรับในการดำเนินการ ส่วนเหตุผลที่ควรจะมีการฝึกอบรมเป็นพิเศษนั้น ก็เพราะเหตุว่า “สไนเปอร์เขามีไว้ยิงเฉพาะหัวหน้า ผู้หมวด ผู้กอง หรือผู้พัน ซึ่งเป็นหัวหน้าทุกระดับ เหล่านี้มีบทบาทตามล่าพวกหัวหน้าไม่ใช่ผู้ปฏิบัติตาม”เป็นคุณทรัพย์สมบัติแล้วก็การคัดเลือกกรองที่สอดคล้องกับข้อคิดเห็นของ สรศักดา สุดอกบัว คอลัมน์นิสต์ผู้ชำนาญด้านอาวุธยุทธภัณฑ์ซึ่งแสดงทรรศนะไว้ว่าผู้ที่จะเป็นพลซุ่มยิงได้นั้น “จะต้องเป็นโดยธรรมชาติ เป็นควรจะมีนิสัยที่ดำรงตนอยู่ตามลำพังคนเดียวได้ ดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ลำบากได้ ไปนอนหมกทราย หมกโคลน ซุ่มอยู่ได้เป็น วันๆแล้วก็ต้องไม่ใจร้อนและควรทำใจเย็นมากมายๆรวมทั้งจำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนที่ละเอียดและก็ชั่วร้ายมากมายถ้าเกิดฝึกหัดได้และก็ผ่านขั้นนี้ไปได้ก็เป็นสไนเปอร์ได้” มันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า การใช้สไนเปอร์เริ่มขึ้นเมื่อไร แม้กระนั้นก็มีการคาดคะเนว่า ตั้งแต่มนุษย์มีการใช้ธนู หรือปืนคาบหินก็เริ่มมีการใช้พลซุ่มยิงแล้ว โดยมุ่งไปที่การได้เปรียบสำหรับในการทำลายจุดมุ่งหมาย และไม่มีผู้ใดทราบได้ว่าเป้าโดนซุ่มยิงมาจากแนวทางไหน ”ในบ้านพวกเราก็มีสมเด็จพระพระราชาทรงเป็นพลซุ่มยิงอันดับหนึ่งเลย เมื่อครั้งที่ท่านยิงแม่ทัพประเทศพม่า โดยยิงผ่านแม่น้ำสะโตง” พลซุ่มยิง (sniper) เป็นหน่วยหนึ่งที่มีความจำเป็นในกองกำลังทหารและก็ตำรวจ เนื่องเพราะมีความรู้และความเข้าใจสูงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยิงปืนในระยะไกลและก็สามารถปฏิบัติภารกิจยิงเพื่อหวังผลจำกัดการเคลื่อนไหวหรือการกระทำการของศัตรูจากระยะไกล รวมทั้งมีการปิดบังตัว เพื่อไม่ให้ศัตรูรู้สึกตัวระหว่างรอยิง พลซุ่มยิงชอบทำงานร่วมกับพลชี้เป้า (Spotter) เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยพลชี้เป้าจะปฏิบัติภารกิจคุ้มครองให้แก่พลซุ่มยิงในเวลาปฏิบัติการด้วย ซึ่งพลชี้เป้าต้องมีวิชาความรู้ในหัวข้อการตรวจการณ์ การปรับการยิง แผนที่เข็มทิศ แนวทางลม อุณหภูมิอากาศ เพื่อช่วยทำให้ข้อมูลแก่พลซุ่มยิงด้วย
คนที่จะ เป็นพลซุ่มยิงได้นั้นควรเป็นคนที่มีลักษณะที่พิเศษอย่างดังแบบอย่างในระเบียบปฏิบัติราชการสนาม 23-10 การฝึกหัดพลซุ่มยิง (FM-23-10 Sniper Training)ของกองกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ได้มีแนวทางสำหรับการเลือกกำลังพลเข้ากระทำฝึกฝนเป็นพลซุ่มยิงจะมีข้อพินิจ อยู่ร่วมกัน 6 ประการ เป็น
1. แม่นปืน คนที่จะเข้ารับการฝึกหัดเป็นพลซุ่มยิงควรจะมีความรู้ความเข้าใจสำหรับการยิงปืนดีงามถ้าเกิดผ่านการประลองทางด้านการยิงปืน หรือการจับสัตว์มาก่อนจะเป็นข้อดีสำหรับเพื่อการเลือกสรรเข้ารับการฝึกหัด
2. ร่างกายจะต้องพร้อม คนที่จะเข้ารับการฝึกหัดเป็นพลซุ่มยิง ต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง รวมทั้งถ้าหากเคยผ่านการเป็นนักกีฬาในจำพวกต่างๆก็จะเป็นต่อสำหรับเพื่อการเลือกเข้ารับการฝึกฝน
3. สายตาและก็ความรู้ความเข้าใจสำหรับในการดู คนที่จะเข้ารับการฝึกฝนควรจะเป็นคนที่ไม่ใส่แว่นตา
ด้วยเหตุว่าจะเป็นการมีความเสี่ยงต่อความผิดพลาดของภารกิจเมื่อแว่นตาพัง หรือหายในพื้นที่ทำการ นอกเหนือจากนี้ต้องไม่ตาบอดสี ด้วยเหตุว่าจะมีปัญหาสำหรับการแยกจุดหมายจากสภาพแวดล้อม
4. ไม่ดูดบุหรี่ คนที่เข้ารับการฝึกหัดต้องไปเป็นคนที่ดูดบุหรี่ เนื่องจากว่าการสูบยาสูบจะเป็นการเผยที่ตั้งของตัวเอง ยิ่งไปกว่านี้การกระทำงานจริงต้องอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจจะดูดบุหรี่ได้เป็น ช่วงเวลานานการที่ไม่ดูดบุหรี่เป็นเวลานานของคนที่ดูดบุหรี่บ่อยๆจะทำให้ ความสามารถสำหรับในการยิงลดน้อยลง
5. มีความมั่นคงและยั่งยืนทางอารมณ์สูงขึ้นยิ่งกว่าคนธรรมดา คนที่เข้ารับการฝึกหัดควรจะเป็นคนที่สามารถคุมอารมณ์ของตัวเองก้าวหน้าในสภาวะต่างๆเพราะเหตุว่าการกระทำงานจริงอาจต้องตกอยู่ในสภาวะที่มีแรงกดดันสูง การลั่นไกในเวลา รวมทั้งสถานที่ที่สมควร เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นยิ่งต่อการกระทำงานของพลซุ่มยิง
6. ความนึกคิดรวมทั้งระดับเชาวน์ คนที่เข้ารับการฝึกฝนนั้นต้องทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับขีคละเคล้าแนวทาง ของลูกกระสุนในแบบต่างๆการปรับแก้เครื่องไม้เครื่องมือช่วยเล็ง การใช้วิทยุสำหรับติดต่อสื่อสาร การตรวจการณ์ และก็การปรับการยิง เครื่องยิงระเบิดรวมทั้งปืนใหญ่ การเดินแผนที่แล้วก็เข็มทิศ การรวบรวมแล้วก็รายงานข้อมูล แล้วก็การรับรองข้างและก็อาวุธ